Welcome To Basil

สินเชื่อรถยนต์

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่ตอบสนองทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งรถบ้าน, รถสปอร์ต, รถจดประกอบ รถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อครอบคลุมหลากหลายยี่ห้อชั้นนำ เช่น TOYOTA NISSAN HONDA ISUZU BMW MITSUBISHI BENZ MAZDA เป็นต้น

สินเชื่อรถบิ๊กไบค์

สินเชื่อเช่าซื้อรถบิ๊กไบค์ มือสอง (ขนาด 300cc.ขึ้นไป) และ (ขนาด 650cc.ขึ้นไป) ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อครอบคลุมหลากหลายยี่ห้อชั้นนำเช่น Honda , Kawasaki , Suzuki , Yamaha , Harley Davidson เป็นต้น

สินเชื่อรถบรรทุก

สินเชื่อรถบรรทุก ทั้งรถบรรทุกใหม่และรถบรรทุกมือสอง เริ่มตั้งแต่ประเภท 4 ล้อใหญ่ ถึง 12 ล้อ รถลากจูง รถพ่วง รถกึ่งพ่วง รวมถึงส่วนของอุปกรณ์และส่วนประกอบร่วมกับตัวรถที่ใช้ในการบรรทุกสินค้า ทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อครอบคลุมยี่ห้อชั้นนำต่างๆ เช่น ISUZU , HINO ,NISSAN , MITSUBISHI , VOLVO , SCANIA เป็นต้น

สินเชื่อรถยนต์

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่ตอบสนองทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งรถบ้าน, รถสปอร์ต, รถจดประกอบ รถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อครอบคลุมหลากหลายยี่ห้อชั้นนำ เช่น TOYOTA NISSAN HONDA ISUZU BMW MITSUBISHI BENZ MAZDA เป็นต้น

สินเชื่อรถบิ๊กไบค์

สินเชื่อเช่าซื้อรถบิ๊กไบค์ มือสอง (ขนาด 300cc.ขึ้นไป) และ (ขนาด 650cc.ขึ้นไป) ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อครอบคลุมหลากหลายยี่ห้อชั้นนำเช่น Honda , Kawasaki , Suzuki , Yamaha , Harley Davidson

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561




เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกบ่อย ทางเรามีความเป็นห่วงผู้ที่ต้องขับขี่รถยนต์ท่ามกลางสายฝน เพราะการขับขี่รถยนต์กลางสายฝนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ“เล็ก”หรือ“ใหญ่”
ก็ล้วนแต่ต้องทำให้เราเสีย “เวลา” ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งยังก่อให้เกิดการจราจรติดขัด รถติดบนท้องถนน ให้แก่ผู้ร่วมใช้ถนนอื่นๆอีกด้วย

วันนี้เราจึงมาขอแนะนำสิ่งสำคัญของรถยนต์สิ่งหนึ่งที่อาจจะถูกมองข้ามที่จะช่วยลดอุบัติให้ท่านได้ขณะขับรถท่ามกลางสายฝน นั่นคือ “ที่ปัดน้ำฝน” นั่นเอง เพราะที่ปัดน้ำฝนทำหน้าที่ปัดน้ำ , ฝุ่นละออง , หรือสิ่งสกปรกต่างๆให้หลุดออก เพื่อทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นดูแลให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา

ที่ปัดน้ำฝนใช้งานได้นานเท่าไร? โดยปกติแล้วใบปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งานที่ดีที่สุดอยู่ที่ 12 เดือนหรือ 1 ปี ที่ผู้ใช้ควรเปลี่ยน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกละเลย(แอดมินก็เช่นกัน) ซึ่งหลังจากนั้นใบปัดอาจจะเกิดการเสื่อมสภาพ จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของใบปัดน้ำฝนลดลงหากมีฝนตกหนักขณะขับขี่จะทำให้ทัศนวิสัย
การขับขี่แย่ลงอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนั้นอาจจะทำให้กระจกบังลมหน้ารถยนต์เป็นรอยได้

ต้องเปลี่ยนเมื่อไร? ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ เราจะรู้ได้อย่างไร? หลักสังเกตุง่ายๆว่าใบปัดน้ำฝนของท่านเสื่อมสภาพ
1.ปัดน้ำไม่สะอาด เป็นรอยครึ่งวงกลม หรือ เป็นส่วนแนวเส้น
2.ม่านกระจกมัว ขณะปัดน้ำฝน
3.,มีเสียงดัง โดยมีเสียงดังเอี๊ยดๆบางครั้งมีการกระตุก ขณะใช้งาน

ควรเลือกซื้ออย่างไร? การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝน ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุและเนื้อยางที่มีคุณภาพดีจะสามารถใช้งานได้นาน ควรเลือกเนื้อยางที่มีสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับใช้งานในบ้านเราซึ่งจะสามารถคงสภาพเนื้อยางไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป บางชนิดอาจจะราคาถูกแต่อาจเสื่อสภาพเร็ว ส่วนโครงปัดน้ำฝนนั้นควรเป้นวัสดุที่ทำจากโลหะทั้งอัน เพื่อป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง

จากข้อมูลข้างต้นอาจจะทำให้เห้นได้แล้ววว่า “ใบปัดน้ำฝน”

ก็สามารถทำให้การขับขี่ของท่านมีความปลอดภัยตลอดหน้าฝนได้อย่างไร

หน้าฝนนี้อยากให้ทุกท่านขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ

“อยากมีรถ...เราจัดให้” ECL Auto Cash

จัดไฟแนนซ์รถยนต์  จักรยานยนต์Bigbike รถบรรทุก โทร. 02 641 5252

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อ ขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้เร็วและปลอดภัย

5 ข้อต่อไปนี้ จะทำให้เพื่อนๆ ขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้เร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นบนท้องถนน

             การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวันนั้น มีบางโอกาสที่เราจะได้ใช้ความเร็วสูงบ้าง โดยเฉพาะกับรถบิ๊กไบค์ แต่จะดีกว่าไหมหากเราเรียนรู้เคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อต่อไปนี้ที่จะทำให้เพื่อนๆ ไปได้เร็วและปลอดภัย ในการขับขี่บนท้องถนน


1.เข้าใจถนน
ในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจกับถนนที่เราใช้ประจำๆนั้นมีความสำคัญ โดนเพื่อนจะสามารถจำได้ว่าช่วงไหนของถนนเส้นนี้ มีหลุมบ่อ ฝาท่อระบายน้ำ หรือแม้กระทั่งแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน โดยเพื่อนๆสามารถเลือกใช้ความเร็วในช่วงต่างๆได้อย่างเหมาะสม อีกหนึ่งอย่างที่ควรปฏิบัติเสมอคือ มีสติและมองตรงไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเมื่อเราโฟกัสไปที่ระยะไกลแล้วยังไงระยะประชิดก็สามารถมองเห็นได้ ตรงกันข้ามกับการมองใกล้ๆ เราจะมีเวลาในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่สั้นลง และเราอาจจะตัดสินใจไม่ทันจนเกิดอุบัติเหตุได้


2.การมอง
การมองเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ เมื่อเรามองไปทางไหนรถก็จะพาเราไปทางนั้น การมองเป็นกุญแจสำคัญในการขับขี่ ในจังหวะที่เราขับขี่ต่อท้ายรถด้านหน้ามีความสำคัญอย่างมากที่เราจะต้องมองเห็นรถที่อยู่คันถัดไป เพราะการมองเห็นในระยะไกลนั้นจะช่วยยืดเวลาในการตัดสินใจให้กับเรา อีกทั้งสามารถทำให้เรารู้ได้ก่อนว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะมีอะไร การมองไกลเป็นอะไรที่ทำง่าย แต่ทำได้ยาก โดยเฉพาะคนที่นิยมขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยความเร็วสูงที่เราขับขี่นั้นจะทำให้เกิดทัศนะวิสัยแบบอุโมงค์ ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นรอบๆได้อย่างชัดเจน เราจะเห็นเพียงด้านหน้าเท่านั้น หากมีรถ คน หมา ออกมาจากข้างทางแล้วล่ะก็มีเฮแน่นอน ลองลดความเร็วลงสักหน่อยเพื่อการมองเห็นที่จะชัดเจนมากขึ้นดีกว่า

3.แซงอย่างมีสติ
ตามกฎหมายการจราจรไทย อนุญาตให้มีการแซงได้เฉพาะในเลนขวาเท่านั้น สิ่งนี้เราควรจดจำให้ดี หากการขับขี่ของเพื่อนๆ อยู่ในถนนที่ใช้ความเร็วแล้วล่ะก็ ให้แซงด้านขวาเท่านั้น และอย่าลืมเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา เพื่อเป็นการแจ้งเตือนรถที่อยู่ด้านหน้าและหลังของเรา ก่อนจะมีการแซงเกิดขึ้น และก่อนจะแซงนั้นเพื่อนๆอย่าลืมมองไปที่กระจกมองหลัง หากมีรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วเราจะได้ไม่ไปชนกับเค้า

4.ระวังและศึกษาลักษณะของเส้นแบ่งถนน
ตรงข้อนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องศึกษา และทำความเข้าใจเบื้องต้นอยู่แล้ว ในการสอบขอใบอนุญาตขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ การรู้จักเส้นแบ่งถนนและการใช้งานของมันเป็นเรื่องง่ายๆ เส้นแบ่งถนนในบ้านเรามีอยู่หลายประเภท แต่เบื้องต้นอยากให้เพื่อนจดจำเส้นสามเส้นแบบนี้ไว้ คือ เส้นทึบทั้งสองฝั่ง นั้นก็หมายความว่าห้ามแซงโดยเด็ดขาด เส้นปะ ก็หมายความว่าสามารถแซงในบริเวณของเส้นปะได้ และทึบหนึ่งฝั่งปะหนึ่งฝั่ง ซึ่งก็หมายความว่าฝั่งที่เป็นเส้นปะนั้นสามารถแซงได้แต่ฝั่งเส้นทึบห้ามแซงโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีการตีเส้นจารจรที่เราควรรู้ อย่างเส้นเกาะ ที่เขียนบนพื้นเพื่อแสดงบริเวณของเกาะกลาง โดยปกติแล้วห้ามรถวิ่งทับเส้นโดยเด็ดขาด และห้ามเลี้ยวในบริเวณนั้นๆ หรือเส้นสำหรับแบ่งทางแยก ที่ห้ามรถหรือยานพาหนะใดๆ จอดทับเส้นบริเวณนั้นๆ เป็นต้น

5.อย่ามั่นใจเกินไป
สิ่งหนึ่งที่เราควรมีในการขับขี่ก็คือความมั่นใจ แต่เมื่อมีมากไปมันก็เหมือนเป็นดาบสองคมที่อาจจะกลับมาทำร้ายเราได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเมื่อเราขับขี่รถคู่ใจของเราจนคุ้นชินแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวก็คือ การใช้ความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราควรที่จะใช้สติให้มากในการขับขี่ อย่าคะนองไปตามอารมณ์ที่ปลุกเร้าจากเสียงของเครื่องยนต์ และสภาวะยั่วยุต่างๆ คิดให้ดีก่อนที่จะบิดคันเร่ง เพราะมันอาจจะเป็นการได้บิดคันเร่งครั้งสุดท้ายของเพื่อนๆ ก็เป็นไปได้

Cr: http://greatbiker.com/

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Bigbike มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง แล้วแตกต่างกันอย่างไร

Bigbike มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง แล้วแตกต่างกันอย่างไร
               สำหรับคนที่กำลังสนใจ Bigbike เรียกว่าเป็นมือใหม่ที่กำลังอยากเล่นบิ๊กไบค์ซักคัน คงกำลังมองหาความแตกต่างแต่ละประเภทอยู่ โดยต้องบอกเอาไว้เลยว่าบิ๊กไบค์นั้นมีหลายๆประเภท ส่วนแต่ละคนนั้นจะชอบประเภทไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะดูจากภายนอกเป็นหลัก แล้วในเรื่องของความแรง ก็ค่อยมาดูทีหลังได้ เพราะว่าบิ๊กไบค์แต่ละประเภทนั้นก็มีความแรงหลายระดับให้เลือกขับขี่กัน ที่สำคัญมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก    แต่ละแบรนด์ก็ผลิต Bigbike รูปแบบต่างๆ ประเภทต่างๆมาฟาดฟันกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ เครื่องยนต์ ความคุ้มค่า ราคา การใช้งานต่างๆแบบเต็มที่ และทำให้ทุกวันนี้ มีหลากหลายประเภทจนวงการตลาดรถได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่ไม่รู้จักประเภทของBigbike เดี๋ยวมาดูกันว่ามีบิ๊กไบค์มีกี่ประเภท และมีประเภทอะไรบ้าง

                 ประเภทแรกคือ SPORT BIKE (สปอร์ตไบค์) สำหรับสปอร์ตไบค์นั้น ชื่อก็ตรงๆเลยคือ มอเตอร์ไซค์สปอร์ต ภาพลักษณ์ภายนอก ก็เน้นความชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากๆ อีกทั้งความแรง ก็อยู่ในระดับสูงแต่ ก็มีหลายระดับให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่มีความคล่องตัวและความหรูหราปราดเปรียวโฉบเฉี่ยว น้ำหนักค่อนข้างเบา สำหรับสปอร์ตไบค์ที่ได้รับความนิยมก็มีหลายรุ่น สำหรับ Sport ไบค์รุ่นเล็ก 100-399 ซีซี ต้อง ต้องยกให้ Honda CBR250R ต่อที่ ขนาดกลาง 400 – 999 ซีซี ต้องยกให้ Kawasaki Ninja ZX-6R, มาดูที่ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1000 ซีซีขึ้นไป พลาดไม่ได้กับ KTM 1190 RC8 R

                ประเภทที่สองคือ TOURING BIKE (ทัวริ่งไบค์) บิ๊กไบค์สไตล์ทัวริ่ง เป็น Bigbike ที่เน้นการใช้งานในระยะทางไกลๆ มีเบาะนั่งขนาดใหญ่ ซ้อนได้สองคน มีกระเป๋าอเนกประสงค์มาให้ เครื่องยนต์มีหลากหลายขนาด แต่สวนใหญ่จะเป็นขนาดกลางขึ้นไป เพื่อการเดินทางที่ยอดเยี่ยม การทรงตัวนั้นจะมีช่วงล่างที่นุ่มนวล คล่องตัวและขับขี่สบายกว่าบิ๊กไบค์ประเภทอื่นๆ บิ๊กไบค์ทัวริ่งนั้นมีหลายดีไซน์ ยกตัวอย่างเช่น ไซส์กลาง ขนาด 400 – 999 cc เช่น BMW F800GT , ไซส์ใหญ่ 1000 ซีซีขึ้นไป ต้องมอบความยอดเยี่ยมให้ ทัวริ่งจากอังกฤษเลย สำหรับ Triumph Trophy SE เรียกว่าเป็นทัวร์ริ่งที่ยอดเยี่ยมพอตัวเลยทีเดียว

                ประเภทที่สามคือ CHOPPER or CRUISER BIKE (ช็อปเปอร์ หรือ ครุยเซอร์ไบค์) เป็นมอเตอร์ไซค์แนวช็อปเปอร์ โดนส่วนใหญ่จะมีความคลาสสิค มอเตอร์ไซค์ประเภทนี้เน้นดีไซน์เป็นหลัก ค่อนข้างโดดเด่นด้วยความเงางาม เครื่องยนต์ก็มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ แฮนด์บาร์จะใช้แบบพิเศษไม่เหมือนบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ ถ้าพูดถึงช็อปเปอร์แล้ว แบรนด์ช็อปเปอร์ที่โด่งดังก็คงหนีไม่พ้น  Harley-Davidson XL1200X Forty-Eight ส่วนอีกแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ Indian Chief Classic ที่สะกดทุกสายตาไม่ว่าจะจอดอยู่เฉยๆหรือขับขี่ก็ตาม

               ประเภทที่สี่คือ NAKED BIKE (เน็คเก็ดไบค์) เป็นบิ๊กไบค์ทรงสตรีทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันและมีหลายรุ่นมากมาย ดีไซน์สวยงาม เป็นการใช้ความสปอร์ตและความสตรีทดีไซน์เผยให้เห็นความดิบขงโครงสร้างและเครื่องยนต์อย่าเด่นชัด เครื่องยนต์มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ดีไซน์ส่วนใหญ่สวยงามสะดุดตะ เป็น Bigbike ที่สามารถโต้ลมได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เปลือยดีไซน์ที่เท่มากๆ โดยเน็คเก็ดไบค์ยอดนิยมมีหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Ducati Monster 796BMW S 1000 R, Aprilia SL 750 Shiver, Honda CB 1000 R, Kawasaki Z1000, KTM 1290 Super Duke R เป็นต้น เรียกว่าแต่ละคันสตรีทและเท่ไม่เบา

              ประเภทที่ห้า ENDURO BIKE (เอ็นดูโร่ไบค์) Bigbike ที่เน้นการลุยแบบวิบาก มีความสูงค่อนข้างมาก พร้อมลุยทุกสภาพถนนมีหลายขนาดเครื่องยนต์ สามารถลุยทั้งดิน น้ำ หิน โคลน อย่างยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ น้ำหนักค่อนข้างเบา ดีไซน์ปราดเปรียวบางแต่ว่าแข็งแรง เน้นการใช้ยางแบบหนา ไม่นิยมการใช้งานกับสภาพถนนเรียบๆซักเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น สำหรับเอ็นดูโร่ที่โดดเด่นหลายๆรุ่นก็มี KTM 690 ENDURO R, Ducati Scrambler Urban Enduro, BMW G 650 GS SERTO, Beta RR Enduro 50 Standard เป็นต้น แต่ละรุ่นเท่กินกันไม่ขาดทั้งนั้น

              ประเภทที่หก MOTARD BIKE (โมตาร์ดไบค์) เป็นมอเตอร์ไซค์คล้ายเอ็นดูโร่ แต่ว่า จะสามารถเน้นการใช้งานบนทางเรียบ แต่ก็สามารถลุยกับสภาพถนนที่เป็นดินเรียบๆ ฝุ่นเรียบๆได้เช่นกัน มีความนุ่มนวลและสามารถเกาะถนนได้เป็นอย่างดี มีหลากหลายขนาด โมตาร์ดยอดนิยมมีหลายรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Aprilia 1200 Dorsoduro, HONDA CRF250MYAMAHA SUPER TENERE, Benelli Motard 250 เป็นต้น แต่ละคันสวยสดงดงามสุดๆเลยทีเดียว

             ประเภทที่เจ็ด DUAL PURPOSE BIKE (ดูออล เพอร์โพส ไบค์) Bigbike ลูกครึ่งระหว่างโมตาร์ดและเอ็นดูโร่ เรียกว่าผสมผสานสมรรถนะที่ใช้บนท้องถนนได้เป็นอย่างดีพร้อมลุยและสามารถทัวริ่งได้ในคราวเดียว มีเครื่องยนต์หลายแบบ มีล้อขนาดใหญ่ดีไซน์ปราดเปรียว มีกระเป๋าสัมภาระ ตอบโจทย์การเดินทางได้อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับบิ๊กไบค์ประเภทนี้ก็ได้แก่ BMW G650 GS, Kawasaki KLR6504, Honda CROSSTOURER SE, และที่กำลังฮอตที่สุดในตอนนี้ก็คือ Suzuki V-Strom 650 XT ABS ที่สิงห์นักบิดหลายๆคนทุบกระปุกซื้อกันเป็นแถวๆ

             ประเภทที่แปด SCOOTER BIKE (สกู๊ตเตอร์ไบค์) ประเภทนี้มีหลายรุ่นด้วยกันที่ได้รับความนิยมเป็นสกู๊ตเตอร์เครื่องยนต์ขนาดเล็กขึ้นไป มีเบาะนั่งขนาดใหญ่ ใช้ระบบเกียร์ออโตเมติค ดีไซน์สปอร์ตสวยงาม ล้ำสมัย มีที่เก็บของขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นอย่างมาก เครื่องยนต์ไม่เน้นแรงเท่าไหร่ แต่เน้นการขับขี่ที่สบายเป็นหลัก ยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมของบิ๊กไบค์แนวสกู๊ตเตอร์ได้แก่ HONDA FORZA300, Suzuki Burgman 400 ABS, Kawasaki J300, Aprilia SR Max เป็นต้นครับ เป็นสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมที่หรูหราและไฮคลาสมากๆ

            ประเภทที่เก้า MOTOCROSS BIKE (โมโตครอสไบค์) เป็น Bigbike สไตล์วิบากที่เอาไว้ใช้ในการแข็งขันมอเตอร์ไซค์วิบากเป็นหลัก ไม่นิยมใช้วิ่งขับขี่บนท้องถนน เพราะว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้น อาจะไม่ครบ เช่นไฟหน้า หรือมาตราวัดความเร็ว เพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สำคัญในการใช้แข่งขัน เครื่องยนต์มีหลากหลายขนาด ใช้ยางขนาดใหญ่ เพื่อการลุยที่ดี มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง มีถังน้ำมันขนาดเล็ก ช่วงล่างดีเยี่ยม ดีไซน์โฉบเฉี่ยวปราดเปรียว โมโตครอสยอดนิยมมีหลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังเรื่องโมโตครสอย่าง Kawasaki KX250F , Kawasaki KX250F, Yamaha YZ450F, Suzuki RM-Z450 เป็นต้น เรียกว่าเป็นโมโตครอสยอดนิยมที่ใช้ในการแข่งขันวิบากมากที่สุดเลยก็ว่าได้

Cr: http://th-bigbike.com/bigbike 


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

นั่งซ้อนท้าย Bigbike อย่างไร ให้ถูกต้องและปลอดภัย

นั่งซ้อนท้าย Bigbike อย่างไร ให้ถูกต้องและปลอดภัย



        สำหรับผู้ที่นั่งซ้อนท้ายนั้น จะนั่งซ้อนท้าย Bigbike อย่างไรให้ Happy และสบายที่สุด ในปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีหลักฐานออกมาอย่างแน่ชัดว่า  ผู้ซ้อนควรซ้อนแบบใดให้นั่งอย่างมีความสุขเพราะว่าผู้ขับขี่ Bigbike บางคนนั้นก็ห่วงว่าผู้ซ้อนจะได้รับอันตราย นั่งไม่ปลอดภัย แต่เทคนิคดังต่อไปนี้จะมาช่วยให้ผู้ที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ทั้งหลายนั้น มีความสุขและนั่งอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยเราจะมาแนะนำวิธีการซ้อนและยกตัวอย่างวิธีการซ้อนที่ผิดวิธีมาให้ทราบกันถ้วนหน้าดังต่อไปนี้

เทคนิคการนั่งซ้อนท้าย Bigbike

1.วิธีการทรงตัวที่ผิดของผู้นั่งซ้อนบิ๊กไบค์ คือการแนบชิดผู้ขับขี่มากเกิดไป ในลักษณะที่โอบกอดผู้ขับขี่มากเกินไป อาจจะทำให้ผู้ขับขี่นั้นขับขี่ไม่ถนัด ถือเป็นการนั่งซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ที่ผิดวิธี และไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก

2.วิธีการทรงตัวที่ผิดของผู้นั่งซ้อนบิ๊กไบค์ ในการที่นั่งตัวเอนไปข้างหลังมากเกินไป ทำให้เกิดการถ่วงไปข้างหลัง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ ผู้ขับขี่อาจจะขับขี่ไม่ถนัดและผู้ซ้อนอาจจะตกหล่นไปจากการซ้อนได้ ถือว่าเป็นการนั่งที่ไม่ปลอดภัย

3.วิธีการซ้อนบิ๊กไบค์ที่ถูกต้อง คือการนั่งให้พอดีเบาะ วางขาตั้งฉากแนบลำตัว สามารถเอามือวางบริเวณตัวถังน้ำมันได้ทั้งสองข้าง วิธีการนั่งแบบนี้ ถือว่าเป็นวิธีการซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ที่ถูกต้องหนึ่งวิธี สามารถนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

4.วิธีการซ้อนบิ๊กไบค์ที่ถูกต้อง โดยการใช้มือข้างใดข้างหนึ่งวางไว้บนตัวถัง และเอามืออีกหนึ่งข้างจับพนักพิงหลังเอาไว้ นั่งให้สมดุลแล้ววางขาตั้งฉาก ถือว่าเป็นการนั่งที่ปลอดภัยอีกหนึ่งวิธี สามารถนำเอาไปใช้ในการซ้อนบิ๊กไบค์ได้  

5.วิธีการซ้อนบิ๊กไบค์ที่ถูกต้อง วิธีสุดท้าย คือการนั่งโอบผู้ขับขี่ โดยวางมือไว้บริเวณตัวถังทั้งสองข้าง แล้วมองเส้นทางการเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ เป็นการช่วยดูเส้นทาง และเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ซ้อนด้วย


แค่นี้คุณก็สามารถนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ได้อย่างปลอดภัยทุกครั้งที่เดินทาง เรียกว่าเป็นวิธีง่ายๆที่คุณสามารถเอามาใช้ในการเดินทางได้อย่างปลอดภัยทั้งผู้ซ้อนและผู้ขับขี่

Cr:  http://th-bigbike.com/
 













วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

10 เส้นทางสุดเจ๋งสำหรับขี่รถออกทริปในประเทศไทย

10 เส้นทางสุดเจ๋งสำหรับขี่รถออกทริปในประเทศไทย


1. เส้นทางจุดชมวิวเลียบหาด ถนนคุ้งวิมาน(จันทบุรี)



                              "ถนนบูรพาชลทิต" ถนนเลียบชายหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ซึ่งความสวยงามของเส้นทางนี้คือ เป็นถนนสองเลนที่ตัดผ่านไปตามความโค้งของภูเขา ระยะทางยาวกว่า 111 กิโลเมตร ระหว่างทางที่ขับผ่านคุณจะได้ชื่นชมกับวิวทะเลที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ โดยไม่มีบ้านเรือนผู้คนหรือรีสอร์ทที่เข้ามาบดบังทัศนวิสัย ตลอดเส้นทางของถนนจะผ่านจุดชมวิวหลายแห่ง เช่น หาดแหลมสน ปากแม่น้ำจันทบุรี ไปจนถึงจุชมวิวเลียบหาด ถนนคุ้งวิมาน รวมถึงจุดชมวิวเนินนางพญา นอกจากนี้ถนนเส้นนี้ยังเป็น 1ใน10 สถานที่ท่องเที่ยวของ Dream Destination ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำอีกด้วย

2. เส้นทาง มวกเหล็ก-วังม่วง ชมอุโมงค์ต้นไม้ (สระบุรี)


                              เส้นทางจากตัวเมืองสระบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข2 หรือ ถนนมิตรภาพ แยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2089 อุโมงค์ต้นไม้จะอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 24-25 จะมีป้ายปักไว้ด้วยว่าอุโมงค์ต้นไม้ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่อยู่เลยอำเภอมวกเหล็กไปอีกหน่อย อุโมงค์แห่งนี้เกิดจากต้นไม้สนสองฝั่งถนนโน้มขเข้าหากันบริเวณทางโค้งทำให้ดูคล้ายอุโมงค์ยาวกว่า 200 เมตร บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม และมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปถ่ายรูปกันอยูบ่อยๆ


3. ถนนทางขึ้นดอยอ่างขาง ชมพญาเสือโคร่งชมพูสะพรั่ง(เชียงใหม่)



                                ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบเกาหลี-ญี่ปุ่น ต้องห้ามพลาดกับทริปการเดินทางเส้นนี้ เมื่อคุณขับBigbikeผ่านถนนเส้นนี้ที่มุ่งหน้าสู่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง คุณจะลอดผ่าน "ซุ้มพญาเสือโคร่ง" โดยจะเริ่มผลิความามให้ยลโฉมในช่วงปลายเดือนธันวาคม-สิ้นเดือนมกราคมของทุกปี


4. เส้นทาง Route 12 (พิษณุโลก - หล่มสัก)



                               เส้นทางที่จะพาคุณเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมายของจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก จะพบกับเส้นทางหลวงหมายเลข12 หรือ Route12 พิษณุโลก-หล่มสัก ความสวยงามของเส้นทางนี้คือ โอบล้อมไปด้วยสีเขียวของแมกไม้ และเทือกเขา ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เขาค้อ โดยในเส้นทางนี้ยังมีร้านกาแฟน่ารักๆ และจุดชมวิวสวยๆ ให้ได้แวะพักให้หายเหนื่อยอีกด้วย ซึ่งถนนเส้นนนี้เป็นเป้าหมายหลักสำหรับนักเดินทาง ด้วยความที่เป็นถนนลาดยางที่สวยเรียบกริบ เลนกว้าง และมีวิวที่สวยตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะเมื่อมีอากาศเย็นๆและมีหมอกปกคลุมยอดเขา ยิ่งเหมาะกับการออกทริปBigbike

5. ทางหลวงชนบท 45 ดอยม่อนแจ่ม ชมทุ่งดอกบัวตอง(เชียงใหม่)



                               ทางหลวงชนบท 45 ดอยม่อนแจ่ม เป็นเส้นทางเล็กๆ เลียบไปตามขอบภูเขา ซึ่งปลูกต้นบัวตองไว้ตลอดเส้นทาง โดยที่อีกด้านหนึ่งของถนนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของดอยม่อนแจ่ม หมู่บ้าน แปลงผัก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวBigbike จะได้ชื่นชมความสวยงามของทุ่งดอกบัวตองได้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนธันวาคมของทุกปี 

6. เส้นทางชมวิวทะเลสาบ ที่สะพานติณสูลานนท์(สงขลา)



                               "สะพานติณสูลานนท์" หรือที่ชาวสงขลาเรียกว่า "สะพานป๋าเปรม" เป็นสะพานที่ข้ามทะเลสาบ สามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของทะเล ยิ่งในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตก บรรยากาศและวิวจะยิ่งสวยงาม ด้วยแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับทะเล จะได้ภาพที่สวยงาม แนะนำให้พกกล้องซักตัวไปด้วยเลย

7. เส้นทางสามชุก - ด่านช้าง (สุพรรณบุรี)



                               เส้นทางหมายเลข 3502 อ.สามชุก-อ.ด่านช้าง เป็นเส้นทางที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ ที่บานสะพรั่ง ซึ่งจะได้พบกับความงดงามของสีเหลืองปรีดียาธรริมสองฟากถนน ซึ่งแนะนำให้มาออกทริปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือน มีนาคม

8. เส้นทางดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน



                               จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สู่อำเภอขุนยวม มุ่งหน้ายังถนนทางหลวงหมายเลข 1263 ก่อนเลี้ยวเข้าสู่วนอุทยานทุ่งบัวตอง จะเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยว รายล้อมไปด้วยทุ่งดอกบัวตองเหลืองอร่ามไปทั้งเส้นทาง ซึ่งใครอยากชมวิวทิวทัศน์แบบนี้ แนะนำให้ไปออกทริปในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 



9. ถนนสายเชียงคำ-ท่าวังผา(พะเยา)



                               เส้นทางจาก อ.ท่าวังผาไป อ.เชียคำ จ.พะเยา โดยผ่าน อ.สองแคว จ.น่าน หรือถนนเส้น 1148 เส้นทางนี้จะโอบล้อมไว้ด้วยทิวเขา ฟ้าใส เมฆสวย ในระหว่างเส้นทางจะได้เห็นไร่ข้าวโพด แปลงผัก ยุ้งเก็บข้าวโพดของชาวบ้าน และหมู่บ้านเล็กๆ ที่อบอวลด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติ เส้นทางนี้จะนำไปสู่ถนนสาย 1080 ทางทิศเหนือมุ่งสู่ อ.ปัว จ.น่าน แหล่งที่มีต้นชมพูภูคาแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นเส้นทางที่ควรไปสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเอง

10. เส้นทางสาย สังขละบุรี(กาญจนบุรี)



                               เส้นทางสังขละบุรี เป็นเส้นทางที่มีเสน่ห์ ด้วยระยะทางที่ไม่ไลจากกรุงเทพ แต่มีบรรยากาศที่ดีเกินคาด เพราะทั้งสองข้างทางจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ แหละสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ ซึ่งถ้าได้ไปออกทริป และได้นั่งชมบรรยากาศ ชมวิวชิวๆยามเช้าที่สังขละ จะต้องอยากไปอีกหลายๆครั้งแน่นอน เพราะจะได้ดื่มดั่มกับธรรมชาติอย่างเต็มที่

Cr: https://pepperrr.net/th/articles/8743